1.ความหมายคำว่า
กฎหมายรัฐธรรมนูญ พระราชบัญญัติ พระราชกำหนด พระราชกฤษฎีกา
เทศบัญญัติ
เทศบัญญัติ
กฎหมายรัฐธรรมนูญ หมายถึง กฎหมายขั้นมูลฐานของรัฐ
ซึ่งกล่าวถึงกฎเกณฑ์ที่จัดวางระเบียบความสัมพันธ์ระหว่างผู้ปกครองกับผู้อยู่ใต้การปกครอง
เป็นกฎหมายที่อยู่ในฐานะสูงกว่ากฎหมายอื่น ๆ ทั้งปวง ซึ่งกฎหมายอื่น ๆ
จะมีวิธีการจัดทำหรือมีข้อความที่ขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญไม่ได้
รัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายที่กำหนดถึงกฎเกณฑ์การปกครองทางด้านการเมืองอย่างกว้าง ๆ
กำหนดรายละเอียดเกี่ยวกับการจัดรูปบริหารในทางการเมืองของรัฐหรือประเทศ
กำหนดขึ้นมาเพื่อใช้บังคับ ควบคุมความประพฤติของบุคคลในสังคม
ให้ปฏิบัติตาม หากมีการฝ่าฝืน
ไม่ปฏิบัติตามจะมีความผิดและได้รับโทษตามที่กำหนดไว้ เพื่อให้กฎหมายเกิดความศักดิ์สิทธิ์ และประชาชนเคารพเชื่อฟังปฏิบัติตามกฎหมายจึงต้องมีสภาพบังคับ (Sanction) สภาพบังคับของกฎหมายนั้นแบ่งเป็นสภาพบังคับในทางอาญาและทางแพ่ง
พระราชบัญญัติ หมายถึง บทกฎหมายที่ ใช้บังคับอยู่เป็นประจำตามปรกติ
เพื่อวางระเบียบบังคับความประพฤติของบุคคลรวมทั้งองค์กรและเจ้าหน้าที่ของ รัฐ
เป็นบทบัญญัติแห่งกฎหมายที่มีฐานะสูงกว่าบทกฎหมายอื่น ๆ นอกจากรัฐธรรมนูญ
ก่อนประกาศใช้บังคับ พระราชบัญญัติมีอยู่ชนิดเดียว แต่บัดนี้รัฐธรรมนูญฯ
ได้บัญญัติให้มีพระราชบัญญัติขึ้นอีกชนิดหนึ่ง เรียกว่า “พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ” ซึ่งรัฐธรรมนูญฯ
บังคับให้ตราขึ้นเพื่อกำหนดสาระสำคัญในรายละเอียดในกรณีบางเรื่องที่รัฐ
ธรรมนูญกำหนดหลักการไว้ เช่น
พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ. 2541 การตราพระราชบัญญัตินั้นจะทำได้ก็โดยคำแนะนำและยินยอมของรัฐสภา
และเมื่อพระมหากษัตริย์ได้ทรงลงพระปรมาภิไธย และประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว
ก็มีผลใช้บังคับเป็นกฎหมายได้
พระราชกำหนด คือ กฎหมายที่พระมหากษัตริย์ทรงตราขึ้นตามคำแนะนำของคณะรัฐมนตรี ซึ่งเมื่อตราขึ้นแล้วจะต้องเสนอต่อรัฐสภาเพื่ออนุมัติ
ถ้าสภาไม่อนุมัติ พระราชกำหนดนั้นก็ตกไป
แต่ไม่กระทบกระเทือนถึงการใดที่ได้ปฏิบัติไปตามพระราชกำหนดนั้นแล้ว
แต่ถ้ารัฐสภาอนุมัติ
พระราชกำหนดนั้นก็มีผลใช้บังคับเช่นเดียวกับพระราชบัญญัติต่อไป
พระราชกฤษฎีกา คือ อนุบัญญัติ เป็นกฎหมายรองจากพระราชบัญญัติและพระราชกำหนด
ซึ่งพระรมหากษัตริย์ทรงตราขึ้นตามคำแนะนำของคณะรัฐมนตรี
พระราชกฤษฎีกานั้นต้องไม่ขัดต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ พระราชบัญญัติ
หรือพระราชกำหนด
เทศบัญญัติ คือ กฎหมาย, ข้อบังคับ, กฎเกณฑ์, หรือบทกฎหมายที่เทศบาลตราขึ้น
เพื่อใช้บังคับภายในเขตเทศบาลนั้น ทั้งนี้อาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติเทศบาล
ผู้เสนอร่างเทศบัญญัติ ได้แก่ นายกเทศมนตรี สมาชิกสภาเทศบาล
หรือราษฎรผู้มีสิทธิเลือกตั้งในเขตเทศบาลตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการเข้าชื่อเสนอข้อบัญญัติท้องถิ่นร่างเทศบัญญัติเกี่ยวกับการเงิน
จะเสนอได้ก็ต่อเมื่อมีคำรับรองของนายกเทศมนตรี
ผู้พิจารณา ได้แก่สภาเทศบาล
ผู้อนุมัติ ได้แก่ผู้ว่าราชการจังหวัด
ผู้ตรา ได้แก่ นายกเทศมนตรี
ในกรณีฉุกเฉินซึ่งจะเรียกประชุมสภาเทศบาลให้ทันท่วงทีมิได้
ให้คณะเทศมนตรีมีอำนาจออกเทศบัญญัติเพื่อพิจารณาอนุมัติในการประชุมสภา
เทศบาลคราวต่อไปถ้าสภาเทศบาลอนุมัติ เทศบัญญัติชั่วคราวนั้นก็เป็นเทศบัญญัติต่อไป
ถ้าสภาเทศบาลไม่อนุมัติ
เทศบัญญัติชั่วคราวก็เป็นอันตกไปแต่ทั้งนี้ไม่กระทบกระเทือนถึงกิจการที่ได้เป็น
ไประหว่างใช้เทศบัญญัติชั่วคราวนั้น ประกาศใช้ ณ ที่ทำการสำนักงานเทศบาล
2.กฎหมายรัฐธรรมนูญ
ที่ใช้ในการปกครองประเทศ ปัจจุบันเป็นอย่างไร
ในการกำหนดออกกฎหมายสิ่งที่ต้องคำนึงถึงมากที่สุดของการประกาศใช้ เป็นอย่างไร
หากเราไม่มีรัฐธรรมนูญนักศึกษาคิดว่าจะเป็นอย่างไร
โดยหลักแล้วรัฐธรรมนูญคือกฎหมายสูงสุดในการปกครองประเทศ ซึ่งจะเป็นการปกครองในประเทศที่ใช้หลักการ ปกครองโดยหลักนิติธรรม (Rule of law) หรือหลักบังคับแห่งกฎหมาย ทั้งนี้เพื่อให้มีการใช้กฎหมายเป็นสิ่งที่สร้างหลักประกันสิทธิและเสรีภาพของประชาชน ดังนั้น ความสำคัญสูงสุดของรัฐธรรมนูญในทางรัฐศาสตร์คือการเป็นหลักประกันสิทธิและเสรีภาพของประชาชนมิให้ผู้ปกครองหรือนักการเมืองมาละเมิด ในขณะเดียวกัน รัฐธรรมนูญก็มีความสำคัญในด้านอื่นด้วยเช่นกัน เพราะรัฐธรรมนูญจะเป็นกรอบทางกฎหมายที่จะกำหนดความสัมพันธ์ระหว่างโครงสร้างทางการเมืองการปกครองหรือองค์กรทางการเมือง เช่น กำหนดความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาล รัฐสภา และศาล เป็นต้น โดยรัฐธรรมนูญจะระบุขอบเขตของอำนาจของแต่ละองค์กรว่ามีเพียงไร และมีความสัมพันธ์กับองค์กรการเมืองอื่นอย่างไร
โดยหลักแล้วรัฐธรรมนูญคือกฎหมายสูงสุดในการปกครองประเทศ ซึ่งจะเป็นการปกครองในประเทศที่ใช้หลักการ ปกครองโดยหลักนิติธรรม (Rule of law) หรือหลักบังคับแห่งกฎหมาย ทั้งนี้เพื่อให้มีการใช้กฎหมายเป็นสิ่งที่สร้างหลักประกันสิทธิและเสรีภาพของประชาชน ดังนั้น ความสำคัญสูงสุดของรัฐธรรมนูญในทางรัฐศาสตร์คือการเป็นหลักประกันสิทธิและเสรีภาพของประชาชนมิให้ผู้ปกครองหรือนักการเมืองมาละเมิด ในขณะเดียวกัน รัฐธรรมนูญก็มีความสำคัญในด้านอื่นด้วยเช่นกัน เพราะรัฐธรรมนูญจะเป็นกรอบทางกฎหมายที่จะกำหนดความสัมพันธ์ระหว่างโครงสร้างทางการเมืองการปกครองหรือองค์กรทางการเมือง เช่น กำหนดความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาล รัฐสภา และศาล เป็นต้น โดยรัฐธรรมนูญจะระบุขอบเขตของอำนาจของแต่ละองค์กรว่ามีเพียงไร และมีความสัมพันธ์กับองค์กรการเมืองอื่นอย่างไร
โดยหลักแล้ว มาตราต่าง ๆ ที่จะกำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญจะตอบสนองต่อหลักการใหญ่ ๆ
ที่ได้กล่าวไปนี้ ด้วยเหตุนี้
จึงทำให้รัฐธรรมนูญไม่สามารถใส่เรื่องทุกเรื่องไว้ได้หมด เพราะเป็นไปไม่ได้
รายละเอียดต่าง ๆ ในหลาย ๆ
เรื่องจึงต้องระบุไว้ในกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญหรือแม้แต่ในพระราชบัญญัติต่าง ๆ
ที่ออกมาเพื่อรองรับหลักการในรัฐธรรมนูญ ถ้ามีรัฐธรรมนูญแล้วไม่ได้เป็นรัฐธรรมนูญที่ทำให้ปากท้องของประชาชนอิ่มแล้ว
จะมีรัฐธรรมนูญไปทำไม ซึ่งจากข้อถกเถียงต่าง ๆ
เหล่านี้ได้ทำให้เกิดความต้องการทำให้หลักการต่าง ๆ ในรัฐธรรมนูญ
นอกจากจะเป็นการสร้างหลักประกันให้กับสิทธิและเสรีภาพของประชาชนแล้ว ยังต้องมีอะไรที่เป็นรูปธรรมมากขึ้นในการสนองตอบต่อความต้องการในชีวิตของประชาชน
แต่ดังที่ได้กล่าวแล้วว่าเราไม่สามารถที่จะกำหนดความต้องการทุกอย่างลงไว้ในรัฐธรรมนูญได้หมด
ดังนั้น ความเหมาะสมของขอบเขตของมาตราต่าง ๆ
ที่จะระบุไว้ในรัฐธรรมนูญเพื่อสนองต่อการให้ปากท้องอิ่ม จึงต้องมีการพิจารณาอย่างรอบคอบเช่นกัน
3. ในสภาพปัจจุบันการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 112 มีนักวิชาการต้องการจะแก้ไขท่านคิดว่าควรที่จะแก้ไขหรือไม่ประเด็นใดอธิบายให้เหตุผล
ข้าพเจ้าเห็นว่า ไม่ควรแก้ไขเป็นอย่างยิ่ง
เพราะกฎหมายข้อนี้เกี่ยวข้องกับพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นสถาบันสูงสุด
ซึ่งในปัจจุบันข้าพเจ้าเห็นว่าการอ้างเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นการแก้ไขเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว
ไม่คำนึงถึงการแก้ไขเพื่อพัฒนาประเทศ เป็นความคิดเห็นที่เห็นแก่ตัวมาก
และที่สำคัญยังเกี่ยวโยงกับพระมหากษัตริย์อันเป็นที่รักของชนชาวไทย จึงสรุปได้ว่า
ไม่ควรแม้แต่จะคิดแก้ไขเป็นอย่างยิ่ง
4.กรณีเกิดความขัดแย้งระหว่างเพื่อนบ้านเรื่องชายแดนระหว่างไทยกับกัมพูชาที่เป็นกรณีพิพาทขึ้นศาลโลกเรื่องดินแดนท่านเป็นคนไทยคนหนึ่งมองปัญหานี้อย่างไร
และจะมีวิธีการแก้ไขอย่างไรเพื่อมิให้ไทยต้องเสียดิน แดน
ข้าพเจ้าคิดว่าปัญหาเขาพระวิหารและความขัดแย้งระหว่างเพื่อนบ้านเรื่องชายแดนระหว่างไทยกับกัมพูชาที่เป็นกรณีที่สำคัญต่อคนไทยทุกคน เนื่องจากว่า ข้อพิพากเขาพระวิหารนี้จะทำให้ไทยต้องเสียดินแดนให้กับกัมพูชาไปหรือไม่ วิธีการป้องกันไม่ให้ไทยต้องเสียดินแดนที่บริเวณเขาพระวิหารก็คือ ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องทั้งหน่วยงานภาครัฐและเอกชนจะต้องช่วยกันคิดหาวิธีดำเนินการแก้ไขปัญหาร่วมกัน
โดยเฉพาะการรวมหรือประชุมผู้รู้ นักวิชาการหรือนักกฎหมาย
ร่วมกันหาทางแก้ไขให้เป็นไปในทางเดียวกัน
แล้วอาจมีการเสนอกฎหมายที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับปัญหานี้มาใช้ดำเนินการแก้ไข นำกฎหมายระหว่างประเทศ มาใช้ในการแก้ปัญหา และที่สำคัญคือ ไม่ควรปล่อยให้เขาพระวิหารต้องกลายเป็นของกัมพูชา
เพราะความเห็นแก่ได้จากผู้มีอำนาจทางการเมือง
ทุกคนต้องระวังเรื่องนี้ให้มากที่สุดเพราะบทบาทกับความหลังมันต่างกันโดยสิ้นเชิง แต่อย่างไรก็ตามปัญหานี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน เพราะอาจจะกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศได้ จึงจะต้องมีการร่วมกันพิจารณาจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งทุกฝ่ายจะต้องปฏิบัติตามคำสั่งของหน่วยงาน ตามนโยบายของรัฐบาล ไม่ควรมีการกลั่นแกล้งกีดกันฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดทั้งสิ้น
ด้วยกันเอง
เพื่อให้การดำเนินการแก้ไขปัญหาเป็นไปอย่างเป็นลำดับขั้นตอนและคลี่คลายในที่สุด
5.พระราชบัญญัติการศึกษาเปรียบเสมือนรัฐธรรมนูญการศึกษา
ท่านเห็นด้วยกับประเด็นนี้หรือไม่ อธิบายให้เหตุผล
ข้าพเจ้าเห็นด้วย เพราะรัฐธรรมนูญเปรียบเสมือนคำสั่งที่เป็นแนวทางในการกระทำอันใดต้องไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ
เป็นแม่บทในการทำให้การศึกษาไปในทางที่ก้าวหน้าและถูกต้อง
ดังนั้นหากพระราชบัญญัติการศึกษาเป็นไปในทางที่ถูกต้องตามธรรมนองครองธรรมแล้ว รัฐธรรมนูญการศึกษาก็จะดีตามด้วยเช่นกัน
6.ตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ
ขอให้นักศึกษาให้ความหมาย การศึกษา การศึกษาขั้นพื้นฐาน การศึกษาตลอดชีวิต การศึกษาในระบบ การศึกษานอกระบบ การศึกษาตามอัธยาศัย สถานศึกษา สถานศึกษาขั้นพื้นฐาน มาตรฐานการศึกษา การประกันคุณภาพภายใน การประกันคุณภาพภายนอก ผู้สอน ครู คณาจารย์ ผู้บริหารการศึกษา ผู้บริหารสถานศึกษา บุคลากรทางการศึกษา สถานศึกษา
การศึกษา หมายถึงกระบวนการเรียนรู้เพื่อความเจริญของบุคคลและสังคมโดยการถ่ายทอดความรู้
การฝึก การอบรม การสืบสานทางวัฒนธรรม การสร้างสรรค์จรรโลงความก้าวหน้าทางวิชาการ
การสร้างองค์ความรู้อันเกิดจากการจัดสภาพแวดล้อม
สังคมการเรียนรู้และปัจจัยเกื้อหนุนให้บุคคลเรียนรู้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต
การศึกษาขั้นพื้นฐาน คือ
การศึกษาซึ่งจัดไม่น้อยกว่าสิบสองปีก่อนระดับอุดมศึกษา
การแบ่งระดับและประเภทของการศึกษาขั้นพื้นฐาน ให้เป็นไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
การแบ่งระดับหรือการเทียบระดับการศึกษานอกระบบหรือการศึกษาตามอัธยาศัยให้เป็นไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
การศึกษาในระบบที่เป็นการศึกษาขั้นพื้นฐานแบ่งเป็นสามระดับ
1.1 การศึกษาก่อนระดับประถมศึกษา เป็นการจัดการศึกษาให้แก่เด็กที่มีอายุ 3 – 6 ปี
1.2 การศึกษาระดับประถมศึกษา โดยปกติใช้เวลาเรียน 6 ปี
1.3 การศึกษาระดับมัธยมศึกษา แบ่งเป็นสองระดับ ดังนี้
- การศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนต้น โดยปกติใช้เวลาเรียน 3 ปี
- การศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย โดยปกติใช้เวลาเรียน 3 ปี แบ่งเป็นสองประเภท
1) ประเภทสามัญศึกษา เป็นการจัดการศึกษาเพื่อเป็นพื้นฐานในการศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษา
2) ประเภทอาชีวศึกษา เป็นการจัดการศึกษาเพื่อพัฒนาความรู้และทักษะในการประกอบอาชีพ หรือ ศึกษาต่อในระดับอาชีพชั้นสูงต่อไป
1.1 การศึกษาก่อนระดับประถมศึกษา เป็นการจัดการศึกษาให้แก่เด็กที่มีอายุ 3 – 6 ปี
1.2 การศึกษาระดับประถมศึกษา โดยปกติใช้เวลาเรียน 6 ปี
1.3 การศึกษาระดับมัธยมศึกษา แบ่งเป็นสองระดับ ดังนี้
- การศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนต้น โดยปกติใช้เวลาเรียน 3 ปี
- การศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย โดยปกติใช้เวลาเรียน 3 ปี แบ่งเป็นสองประเภท
1) ประเภทสามัญศึกษา เป็นการจัดการศึกษาเพื่อเป็นพื้นฐานในการศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษา
2) ประเภทอาชีวศึกษา เป็นการจัดการศึกษาเพื่อพัฒนาความรู้และทักษะในการประกอบอาชีพ หรือ ศึกษาต่อในระดับอาชีพชั้นสูงต่อไป
การศึกษาตลอดชีวิต หมายความว่า การศึกษาที่เกิดจากการผสมผสานระหว่างการศึกษาในระบบ
การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย
เพื่อให้สามารถพัฒนาคุณภาพชีวิตได้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต
การศึกษาในระบบ เป็นการศึกษาที่กำหนดจุดมุ่งหมาย
วิธีการศึกษา หลักสูตร ระยะเวลาของการศึกษา การวัดและประเมินผล
ซึ่งเป็นเงื่อนไขของการสำเร็จการศึกษาที่แน่นอน การศึกษาในระบบเช่นนี้
หมายถึงการศึกษาที่จัดรูปแบบไว้แน่นอนเป็นเกณฑ์มาตรฐานเดียวกัน
ส่วนใหญ่จัดในโรงเรียน วิทยาลัย มหาวิทยาลัย หรือสถาบันการศึกษาที่มีชื่อเรียกอย่างอื่น
ซึ่งเรารู้จักคุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว
การศึกษาในระบบอาจจัดในชั้นเรียนหรือเป็นการศึกษาทางไกลก็ได้
การศึกษานอกระบบ เป็นการศึกษาที่มีความยืดหยุ่นในการกำหนดจุดมุ่งหมาย
รูปแบบ วิธีการจัดการศึกษา ระยะเวลาของการศึกษา การวัดและประเมินผล ซึ่งเป็นเงื่อนไขสำคัญของการสำเร็จการศึกษา
โดยเนื้อหาและหลักสูตรจะต้องมีความเหมาะสมสอดคล้องกับสภาพปัญหาและความต้องการของบุคคลแต่ละกลุ่มตัวอย่างของการศึกษานอกระบบ
ได้แก่ การศึกษานอกโรงเรียน การฝึกอบรมหลักสูตรต่างๆ เป็นต้น
การศึกษาตามอัธยาศัย เป็นการศึกษาที่ให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ด้วยตนเองตามความสนใจ
ศักยภาพ ความพร้อมและโอกาส โดยศึกษาจากบุคคล ประสบการณ์สังคม สภาพแวดล้อม
สื่อหรือแหล่งความรู้อื่นๆ การศึกษารูปแบบนี้มีความยืดหยุ่นสูง
เปิดโอกาสให้ผู้สนใจเรียนรู้สามารถเลือกเนื้อหาที่สนใจเป็นประโยชน์กับตนได้
และสามารถใช้เวลาที่ปลอดจากภารกิจการงานอื่นศึกษาเล่าเรียนได้
จึงเรียกว่าเป็นการศึกษาตามอัธยาศัย
ทั้งนี้รูปแบบของการศึกษาตามอัธยาศัยมีหลากหลาย เช่น การฟังบรรยายพิเศษ
การศึกษาจากเอกสาร การเยี่ยมชม การชมการสาธิต การรับฟังรายการวิทยุกระจายเสียง
รายการวิทยุโทรทัศน์ การสืบค้นเนื้อหาสาระจากอินเทอร์เน็ตหรือแหล่งเรียนรู้ต่างๆ
เป็นต้น เนื่องจากรัฐมีหน้าที่ร่วมกับชุมชนจัดแหล่งเรียนรู้
ผู้บริหารและครูควรเข้ามามีส่วนใกล้ชิดร่วมมือกับประชาชนเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิตด้วยรูปแบบวิธีการต่างๆ
สถานศึกษาขั้นพื้นฐาน หมายความว่า สถานศึกษาที่จัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน
มาตรฐานการศึกษา หมายความว่า ข้อกำหนดเกี่ยวกับคุณลักษณะคุณภาพที่พึงประสงค์และมาตรฐานที่ต้องการให้เกิดในสถานศึกษาและเพื่อใช้เป็นหลักเทียบเคียงสำหรับการส่งเสริมและกำกับดูแล การตรวจ-สอบ การประเมินผล และการประกันคุณภาพ
การประกันคุณภาพภายใน หมายความว่าการประเมินผลและการติดตามตรวจสอบคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษาจากภายในโดยบุคลากรของสถานศึกษานั้นเอง หรือโดยหน่วยงานต้นสังกัดที่มีหน้าที่กำกับดูแล
การประกันคุณภาพภายนอก หมายความว่า การประเมินผลและการติดตามตรวจสอบคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษาจากภายนอก
โดยสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษาหรือบุคคลหรือหน่วยงานภายนอกที่สำนักงานดังกล่าวรับรอง
เพื่อเป็นการประกันคุณภาพและให้มีการพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษา
ผู้สอน หมายถึง ครูและคณาจารย์ในสถานศึกษาระดับต่าง ๆ
ครู หมายความว่า บุคลากรวิชาชีพซึ่งทำหน้าที่หลักทางด้านการเรียนการสอนและการส่งเสริมการเรียนรู้ของผู้เรียนด้วยวิธีการต่าง
ๆ ในสถานศึกษาทั้งของรัฐและเอกชน
คณาจารย์ หมายความว่า บุคลากรซึ่งทำหน้าที่หลักทางด้านการสอนและการวิจัยในสถานศึกษาระดับอุดมศึกษาระดับปริญญาของรัฐและเอกชน
ผู้บริหารการศึกษา หมายความว่า บุคลากรวิชาชีพที่รับผิดชอบการบริหารการศึกษานอกสถานศึกษาตั้งแต่ระดับเขตพื้นที่การศึกษาขึ้นไป
ผู้บริหารสถานศึกษา หมายความว่า บุคลากรวิชาชีพที่รับผิดชอบการบริหารสถานศึกษาแต่ละแห่ง
ทั้งของรัฐและเอกชน
บุคลากรทางการศึกษา หมายความว่า ผู้บริหารสถานศึกษา
ผู้บริหารการศึกษารวมทั้งผู้สนับสนุนการศึกษาเป็นผู้ทำหน้าที่ให้บริการ
หรือปฏิบัติงานเกี่ยวเนื่องกับการจัดกระบวนการเรียนการสอน การนิเทศ
และการบริหารการศึกษาในหน่วยงานการศึกษาต่าง ๆ
สถานศึกษา หมายความว่า สถานพัฒนาเด็กปฐมวัย โรงเรียน ศูนย์การเรียนวิทยาลัย สถาบัน
มหาวิทยาลัย หน่วยงานการศึกษาหรือหน่วยงานอื่นของรัฐหรือของเอกชน
ที่มีอำนาจหน้าที่หรือมีวัตถุประสงค์ในการจัดการศึกษา
7. ในการจัดการศึกษานักศึกษาคิดว่ามีความมุ่งหมายและหลักการจัดการในการจัดการศึกษา
อย่างไร
ข้าพเจ้ามองว่า
การจัดการศึกษาควรเป็นไปตามปรัชญาการศึกษาดังนี้
ปรัชญาทางการศึกษา เป็นสิ่งกำหนดทิศทางของการจัดการศึกษา
หรือเป้าหมายของการศึกษาที่กำหนดให้ผู้เรียนมีลักษณะเป็นอย่างไร
กล่าวได้ว่า
ปรัชญาของหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ.2544 มีเป้าหมายเพื่อสร้างคนไทยให้เป็นคนดี
มีปัญญา มีความสุข
มีศักยภาพพร้อมที่จะแข่งขันและร่วมมืออย่างสร้างสรรค์ในเวทีโลกได้ เพื่อให้การจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานเป็นไปตามแนวนโยบายการจัดการศึกษาของประเทศ
จึงกำหนดหลักการของหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน ไว้ดังนี้
1. เป็นการศึกษาเพื่อความเป็นเอกภาพของชาติ
มุ่งเน้นความเป็นไทยควบคู่กับความเป็นสากล
2. เป็นการศึกษาเพื่อปวงชน
ที่ประชาชนทุกคนจะได้รับการศึกษาอย่างเสมอภาคและเท่าเทียมกัน
โดยสังคมมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา
3. ส่งเสริมให้ผู้เรียนได้พัฒนาและเรียนรู้ด้วยตนเองอย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต
โดยถือว่า ผู้เรียนมีความสำคัญที่สุด สามารถพัฒนาตามธรรมชาติ และเต็มตามศักยภาพ
4. เป็นหลักสูตรที่มีโครงสร้างยืดหยุ่นทั้งด้านสาระ เวลา
และการจัดการเรียนรู้
5. เป็นหลักสูตรที่จัดการศึกษาได้ทุกรูปแบบ ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย
สามารถเทียบโอนผลการเรียนรู้ และประสบการณ์
จะเห็นได้แล้วว่าการจัดการศึกษาตามปรัชญาการศึกษานี้มีประโยชน์ต่อทุกคนเป็นอย่างดี
8. มีบุคคลหนึ่งเข้าไปเป็นครูสอนหนังสือในสถานศึกษาขั้นพื้นฐานอยู่เป็นประจำกรณีมิได้รับการบรรจุเป็นครู
หากพิจารณาตามกฎหมายถ้าผิด กฎหมายท่านคิดว่าจะถูกลงโทษอย่างไร หากไม่ผิดกฎหมายท่านคิดว่าจะมีวิธีการทำอย่างไร
ข้าพเจ้าคิดว่าไม่ผิด หากดูตามเจตนาของผู้เข้ามาสอน
หากผู้นั้นมีความตั้งใจจริงที่จะสอนหรือถ่ายทอดความรู้ให้แก่ผู้เรียน
แต่อาจเนื่องด้วยผู้สอนมีข้อจำกัดหรือข้อจำเป็นบางอย่างหรืออาจไม่ทราบรายละเอียดในทางกฎหมายการศึกษาตามมาตรา 46 ที่ว่า ห้ามมิให้ผู้ใดแสดงด้วยวิธีใดๆ
ให้ผู้อื่นเข้าใจว่าตนมีสิทธิหรือพร้อมจะประกอบวิชาชีพ
โดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากคุรุสภา
และห้ามมิให้สถานศึกษารับผู้ไม่ได้รับใบอนุญาตเข้าประกอบวิชาชีพควบคุมในสถานศึกษา
เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากคุรุสภา
ดังนั้นเพื่อให้การนำเนินการจัดการเรียนรู้ในสถานศึกษา ผู้สอนควารศึกษากฎหมายการศึกษา
และดำเนินการขออนุญาติหรือขอใบประกอบวิชาชีพจากคุรุสภาให้ถูกต้อง
9.หากนักศึกษาต้องการสอบบรรจุเป็นครูผู้ช่วยจะต้องมีคุณสมบัติอย่างไร
(1) มีอายุไม่ต่ำกว่ายี่สิบปีบริบูรณ์
(2) มีวุฒิปริญญาทางการศึกษา หรือเทียบเท่า
หรือมีคุณวุฒิอื่นที่คุรุสภารับรอง
(3) ผ่านการปฏิบัติการสอนในสถานศึกษาตามหลักสูตรปริญญาทางการศึกษาเป็นเวลาไม่น้อยกว่าหนึ่งปี
และผ่านเกณฑ์การประเมินปฏิบัติการสอนตามหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขที่คณะกรรมการคุรุสภากำหนด
(4) ต้องเป็นผู้มีคุณสมบัติทั่วไปตามมาตรา 30
แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.2547
และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2551
(5) ต้องเป็นผู้ได้รับวุฒิไม่ต่ำกว่าปริญญาตรีทางการศึกษาหรือทางอื่นที่
ก.ค.ศ.กำหนดเป็นคุณสมบัติเฉพาะสำหรับตำแหน่งนี้ ตามกลุ่มวิชา/สาขาวิชาเอก
(6)
ต้องมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูผู้สมัครสอบต้องนำมาแสดงในวันสมัครสอบและวันรายงานตัวเพื่อเข้ารับการบรรจุ
และแต่งตั้ง หากไม่มีหรือไม่นำมาแสดงถือว่าขาดคุณสมบัติ จะเรียกร้องสิทธิใด ๆ
มิได้
(7) ไม่เป็นพระภิกษุสงฆ์
หรือสามเณร นักพรต นักบวช
10.ให้นักศึกษาแสดงความคิดเห็นว่าเมื่อเรียนวิชานี้
นักศึกษาได้อะไรบ้างครูผู้สอนวิชาชีพโดยใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ Weblog มีความเหมาะสมและเป็นไปได้อย่างไร วิจารณ์แสดงความคิดเห็น และถ้าจะให้น้ำหนักวิชานี้ ควรให้เกรดอะไร และนักศึกษาคิดว่าตนเองจะได้เกรดอะไร
จากที่ข้าพเจ้าได้เรียนวิชานี้
นอกจากข้าพเจ้าจะได้รับเนื้อหาและองค์ความรู้ในเรื่องกฎหมายเกี่ยวกับการศึกษาที่มีความสำคัญและจำเป็นต่อการประกอบอาชีพครูในอนาคตแล้ว
ข้าพเจ้ายังได้รับความรู้ เรื่องการเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์Weblog ที่ข้าพเจ้าสามารถนำการทำ blog นี้ไปประยุกต์ใช้กับการเรียนการสอน
ชีวิตประจำวัน และการทำงาน ได้เป็นอย่างดียิ่ง การสอนโดยเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ Weblog ของครูผู้สอนเองนั้นก็มีความเหมาะสม
ครูผู้สอนยังสอดแทรกเนื้อหาความรู้มากมายที่เป็นประโยชน์ต่อข้าพเจ้าสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ในอนาคตเป็นอย่างดี
เนื่องจากครูผู้สอนความรู้ในด้านนี้เป็นอย่างดี
มีการใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ที่ทันสมัยเข้ามามีส่วนช่วยให้ผู้เรียนได้รับประสบการณ์การเรียนรู้ใหม่ๆ
ได้เรียนรู้จากการฝึกปฏิบัติจริง ได้รับประสบการณ์จริง
และเป็นแนวทางในการใช้งานในอนาคตด้วย เป็นการสร้างบรรยากาศในการเรียนรู้แบบใหม่ที่ทันสมัยและสะดวกต่อตัวครูผู้สอนแล้ผู้เรียน
ผู้เรียนสามารถศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมได้ทุกที่ทุกเวลาตามความต้องการ และถ้าจะให้น้ำหนักวิชานี้ข้าพเจ้าให้เกรด A เพราะว่าวิชานี้เป็นวิชาที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง
เป็นวิชาที่เกี่ยวข้องกับวิชาชีพในอนาคต
และผู้เรียนต้องจำเป็นต้อการเข้าใจในเนื้อหาในรายวิชานี้ การนำเทคโนโลยี weblog มาใช้ในการเรียนการสอนวิชานี้ก็เป็นวิธีกี่ที่ดีที่จะช่วยให้ผู้เรียนเรียนรู้ได้เร็วและง่ายยิ่งขึ้น และข้าพเจ้าคิดว่าจะได้เกรด A เพราะว่าข้าเจ้ามองว่าตนเองว่าข้าพเจ้ามีความพยายามที่จะเรียนรู้ในเนื้อหา
รวมทั้งการจัดทำ blog ให้มีความเหมาะสมได้อย่างเต็มที่และดีที่สุด
โดยข้าเจ้าจะสามารถเข้าใจในการเรียนรู้โดยการใช้เทคโนโลยี Weblog มาใช้ในการเรียนการสอน
รวมทั้งความสะดวกสบายในการเรียนรู้ แสดงความคิดเห็น
และติดตามความเคลื่อนไหวได้ทุกที่ทุกเวลา สิ่งที่ข้าพเจ้าได้นั้นคือมีความรู้ทั้งในเนื้อหารายวิชาและเทคโนโลยี
blog ที่เป็นตัวช่วยให้ข้าพเจ้ามีความรู้ความเข้าใจ และสะดวกมากยิ่งขั้น